2552-03-23

How to choose the perfect wedding dress

ผิงไปเปิดเจอบทความเกี่ยวกับงานแต่งงานที่น่าสนใจหลายบทความ ของ website ที่มีชื่อว่า conffetti.co.uk ผิงเห็นว่าเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวจะเป็นเจ้าสาวมาก ๆ ค่ะ มีบทความนึงเกี่ยวกับการเลือกชุดเจ้าสาว Choosing the perfect dress: the basics ซึ่งผิงจะนำมาเล่ารายละเอียดให้ฟังในข้างล่างนี้นะคะ ผิงปรับเปลี่ยนนิดหน่อยและเพิ่ม comment ของผิงนิดหน่อย เพื่อให้ใช้ได้จริงกับคนไทยอย่างเรา ๆ นะคะ

เค้าบอกว่า เจ้าสาวทุกคนก็อยากที่จะดูสวยเด่นในวันสำคัญ แต่เราไม่ใช่ดารา hollywood จะให้สวยเด้งขนาดนั้น ก็คงจะเป็นไปได้ยากซักหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ความสวยมันมาได้ทุกรูปแบบ รวมทั้งทุกไซส์ด้วย เพียงแต่การที่จะดูสวยนั้น จะต้องรู้จักตัวเอง ไม่ใช่มองตัวเองเป็นดารา เป็นคนอื่น แต่เป็นตัวของตัวเอง แล้วคุณจะสวยที่สุดในแบบที่คุณเป็น

1.First things first
อย่างแรกที่จะต้องทำคือ การถามตัวเองว่าปกติเราเป็นคนชอบแต่งตัวแบบไหน ชอบสีอะไร จัดงานที่ไหน งานแต่งงานเป็นทางการแค่ไหน แขกมากน้อยอย่างไร ลองจินตนาการสถานะการณ์จริง แล้วคุณลองนึกภาพตัวเองอยู่ในงาน ถ้างานเป็นทางการมาก คุณจะใส่ชุดสั้น เกาะอก ไม่เหมาะแน่ หรือ ถ้าแขกน้อย ใส่ชุดอลังการณ์ดั่งเจ้าหญิง ก็ไม่ดี ถ้าแขกเยอะชุดแต่งการเรียบมากแบุบชุดราตรีธรรมดา ก็ไม่เหมาะเหมือนกัน
พอได้ภาพคร่าว ๆ แล้ว ให้ไปลองชุด กฎของการลองชุด คือ ลองหลาย ๆ สไตล์ รวมถึงสไตล์ที่คุณคิดว่าคุณจะไม่ชอบด้วย หลายครั้งนะคะ ที่เจ้าสาวที่บอกว่าตนชอบเรียบ ๆ กลับดูดีในชุดชวนฝันแบบเจ้าหญิง

2. Colour counts
เมื่อลองชุด สีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกชุดเหมือนกันค่ะ ถึงเราจะไม่ได้นิยมชุดแต่งงานสีอื่น ๆ เหมือนทางตะวันตก แต่ถึงเป็นสีขาว แต่อย่าลืมว่าสีขาวมีหลายเฉด หลายโทน การเลือกสีให้เข้ากับสีผิว สีเครื่องประดับ และสถานที่ จะทำให้เจ้าสาวทั้งสวยทั้งเด่นขึ้นเป็นกองเชียวค่ะ ถ้าอยากให้งานดู classic แนะนำว่าอย่าเลือกสีขาวจั๊ว ให้เลือกสีชุดที่ออกครีมเล็กน้อย แต่ถ้าอยากให้ดูเป็น modern bride สีขาวจัด ๆ ก็จะทำให้ดูสนุกได้ค่ะ สีขาวอมชมพู เหลือง หรือ ออกฟ้า ก็จะเป็นตัวเลือกให้กับเจ้าสาวที่ชอบสีสันต์สดใส ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมดูสีของงานเราด้วยนะคะว่าจะออกมาเป็นสีอะไร จะได้เลือกชุดได้ไม่ออกนอกธีมค่ะ

3. In the detail
เรื่องของการปักลูกปัด หรือลูกไม้ก็อย่ามองข้ามนะคะ เพราะมันจะทำให้ชุดธรรมดา ๆ กลายเป็นชุดสุดสวยขึ้นมาได้ แถมยังสามารถดึงดูดสายตาไปจากจุดที่บกพร่องของร่างการเราอีกด้วยค่ะ ถ้าไม่ชอบ หรือคิดว่าการปัก การติดดูแก่เกินไป การเพิ่ม detail ให้กับชุดด้วยดอกไม้ หรือโบว์ก็เป็นอีกทางเลือกนึงคะ

4. A dress for every body
ถ้าคุณสูงและผอม เลือกชุด ballgown เกาะอกสไตล์เจ้าหญิงแบบพอดีตัว หรือถ้ารู้สึกว่าแขนหรือหัวไหล่ผอมเกินไป ให้ลองชุดแต่งงานยาวแบบพอดีตัว คอปิด ปักชุดด้วยลูกไม้ หรือลูกปัดเพื่อไม่ให้เรียบเกินไป แค่นี้คุณก็สวยเด่นแล้วค่ะ

ถ้าคุณสูงน้อยกว่าคนอื่นหน่อย ลอง empire line dress หรือชุดที่ต่อใต้อก dress ถึงแม้ว่าชุดสั้นก็น่าจะเหมาะกับคุณเหมือนกัน แต่ว่าชุดยาวแบบต่อใต้อกแบบนี้จะทำให้คุณดูสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเชียวล่ะ




ชุดแต่งงานแบบมีแขนก็เป็นทางเลือกนึงเหมือนกันนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้สึกยังไงกับแขนของคุณ ถ้าคุณต้องการชุดแต่งงานที่ มีแขนจริง ให้เลือกแขนยาวแบบพอดี ที่ไม่คับเกินไป ถ้าคุณเกล้าผมสูง ชุดนี้จะทำให้คุณดูสูงขึ้น แต่อย่าเกล้าผมที่จะทำให้หน้า คุณดูกลมเชียวนะคะ


ถ้าคุณมีหน้าอกหน้าใจค่อนข้างใหญ่ ให้เลือกชุดแบบ basque ที่สามารถเน้นเอวคอดกิ่วดึงดูดสายตาไปจากส่วนที่คุณต้องการปกปิดได้ค่ะ พยายามให้ส่วนตัวชุดนั้นเรียบที่สุด ถ้าต้องการปักจริง ๆ ให้ปักในส่วนล่างของชุดแทน และหลีกเลี่ยงชุดที่คอลึกด้วยนะคะ



ถ้าคุณมีบั้นท้ายใหญ่ แค่ทำให้แน่ใจว่าชุดนั้นไม่ได้แน่นหรือรัดสะโพกคุณเกินไป อาจจะใช้ชุดแบบ princess หรือแบบ ballgown ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ถ้าสะโพกคุณไม่ได้ใหญ่มาก ก็สามารถเลือกชุดแบบต่อใต้อกได้ ถ้าคุณชอบค่ะ



ถ้าไหล่กว้าง...ทำให้ดูแคบลงได้ด้วย สายเดี๋ยวที่สายกว้างออกซักหน่อย หรือว่าชุดที่มีคอวี เพื่อดึงจุดสนใจไปที่กลางหน้าอก พยายามหลีกเลี่ยง การใส่ชุดแขนพองนะคะ




ถ้าขาคุณสั้นและตัน...เลือกชุดยาวจะทำให้คุณดูสูง ชุดที่มีลักษณะตรง แบบไม่เข้ารูปมากจะเหมาะกับคุณเป็นที่สุด


ถ้าคุณเป็นคนแขนสั้น ...เลือกเสื้อแขนสามส่วนจะทำให้แขนของคุณยาวขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกใส่แบบไหน อย่าเลือกชุดแต่งงานที่ไม่มีแขนเป็นอันขาด


ถ้าคุณมีแขนเจ้าเนื้อเลือกเสื้อแขนยาวธรรมดา ที่ไม่คับเกินไป

แค่นี้คุณก็จะได้ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่เหมาะกับตัวคุณได้ไม่ยากแล้วล่ะค่ะ

2552-03-22

Wedding Color


5 Tips for Choosing Your Wedding Colors

ใน blog
"blue orchid" ได้นำเสนอกฎง่าย ๆ 5 ข้อ ที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกสีสวย ๆ สำหรับงานแต่งงานหรือแม้แต่สี furnitureห ในบ้านใหม่ของเราได้ไม่ยากนักค่ะ

1. เริ่มจากถามตัวเองก่อนว่าชอบสีอะไร อาจจะระบุเจอะจงไปให้มากกว่าตัวสีโดด ๆ เช่นถ้าชอบสีชมพู ก็อาจจะระบุว่าชอบชมพูโทนไหน ชมพูอ่อน pastel หรือ ชมพูสด สีฟ้าก็อาจจะเป็นฟ้าแบบท้องฟ้า ฯลฯ ถ้ายังนึกไม่ออกว่าชอบสีอะไรนะคะ ลองเปิดดู website ของ
pantone นำเสนอสีต่าง ๆ มากมายรวมทั้งมีบทความที่เกี่ยวกับสี trends ใหม่ ๆ ที่ update ทุก season อีกด้วยค่ะ เช่น pantone fashion color report fall 2009

สีพวกนี้เป็นสีที่ทาง color specialist ของบริษัท pantone บอกว่าจะมาในฤดูใบไม้ร่วงนี้นะคะ แต่จริง ๆ ผิงชอบของฤดูใบไม้ผลิที่อยู่ด้านล่างมากกว่าค่ะ


2. จากนั้นก็ลองดูที่ color wheel นะคะ สีที่อยู่ตรงข้ามกับสีที่ชอบ จะเป็นสีที่ตัดกันและทำให้สีอีกสีนึงเด่นได้ ส่วนสีที่ถัดไปสองแถบจะเป็นสีที่ส่งเสริมกัน โดยที่ไม่ดึงความสนใจไปจากสีที่คุณต้องการใช้

Color Wheel อันนี้ได้มาจาก web "My Modern World: the online magazine about modern living" ใน website มีวิธีการใช้ color wheel สำหรับจับคู่สีต่าง ๆ ทั้งสี bold (สีที่ตัดกัน) และสี complement (สีที่ส่งเสริมกัน) ด้วยค่ะ น่าสนใจมาก ๆ

3. ถ้าต้องการใช้สีเดียวเท่านั้น ให้ใช้การไล่สี เพื่อเพิ่มมิติให้กับงานนะคะ

4. ใช้
online color scheme generator ช่วยให้คุณเลือกสีได้ง่ายขึ้น ทั้งสีเดียวหลายโทนที่ต้องไล่ได้ถูกต้อง หรือสีต่างที่สามารถเข้ากันได้ดี สนุกดีค่ะ มีการนำเสนอ color code และแสดงตัวอย่างถ้านำสีไปใช้จริงในการตกแต่ง website อีกด้วยค่ะ แต่ระวังนะคะ เล่นแล้วอาจจะติดงอมแงมแบบผิงนะคะ

5. ถ้าไม่สะดวกใช้แบบ online ลองเข้าไปดูที่ร้านสี TOA หรือว่าศูนย์สีบุญถาวรนะคะ จะสีแถบสีตัวอย่างที่สร้างไว้ให้ลูกค้าเลือกเพื่อซื้อสีทาบ้าน เราเอามาเป็น idea ได้ค่ะ แถมที่ร้านยังมีโปรแกรมที่สามารถหาสีที่เราต้องการได้ โดยเอาสีที่ชอบจากสิ่งของอะไรก็ได้ไปเป็นตัวอย่าง แล้วทางพนักงานจะสร้างสีนั้น ๆ พร้อมคู่สีอื่นๆ ออกมาให้เราเลือกค่ะ

งานแต่งงานของคุณจะใช้สีอะไรสีอะไรดีคะ

2552-03-20

Tiffany & Co




หลายคนคงคุ้นหูกับยี่ห้อนี้ดีนะคะ แต่สำหรับผิง ก็แค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้นค่ะ เพิ่งมาสนใจ product ของเค้าก็เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพราะว่ากำลังจะต้องใช้แล้วไงคะ

Tiffany & Co เป็นbrandอเมริกันที่เริ่มต้นจากการทำเครื่องเงินมาก่อน แต่กลับมีชื่อเสียงมาจาก product จำพวกแหวนและเครื่องเพชร

พอได้เห็นแหวนของ tiffany & co ก็อยากจะกรี๊ด นึกถึงคำพูดที่ว่า "Diamonds are a girl's best friend." ขึ้นมา แล้วก็เข้าใจมันในทันที ^^ แบบแหวน classic มาก ร่วมสมัยมาก เรียบ แต่หรู และไม่แก่ ที่ผิงหมายตาไว้ เป็นแหวนเพชรเม็ดเดียว เพราะว่าทั้งชอบโดยส่วนตัวอยู่แล้วและ ทั้งโดนคุณแม่กำกับว่า ให้เลือกแหวนเพชรเม็ดเดียวเลย ดูดีกว่าหลาย ๆ เม็ด และยังเปรียบเสมือน ความรักเดียวใจเดียวอีกด้วย


สวยไม๊คะ ^^

แหวนของผิงเลือกที่จะสั่งทำค่ะ เพราะว่าไม่อยากเสียค่า Brand ซึ่งก็คงมากโขอยู่ ผิงเลือกซื้อเพชรที่ร้าน Ananta เป็นร้านเล็ก ๆ ใน Central World คุณอาเจ้าของร้านอัธยาศัยดีค่ะ พี่ ๆ ที่เป็นลูกสาวก็น่ารัก พาคุณยายไปดูคุณยายก็ว่าดี ซื้อที่นี่ได้ไม่โก่งราคา ผิงก็เลยตัดสินใจทำแหวนแต่งงานที่นี่ค่ะ วันเสาร์นี้จะไปดู setting ที่ผิงสั่งทำเอาไว้ ถ้าเรียบร้อยดี เค้าถึงเอาไปขึ้นเพชร และก็สลักชื่อให้ พี่แจน ลูกสาวเจ้าของร้านที่กำลังจะแต่งตุลานี้เหมือนกัน มีแบบแหวน Tiffany วงที่ผิงอยากได้พอดี (เหมือนรูปข้างบนค่ะ) ดีใจจัง ทำให้วางใจไปได้เยอะเลยค่ะ ว่าเราจะได้สิ่งที่ต้องการจริง ๆ

จริง ๆ แล้วเรื่องเพชรนั้นผิงไม่เคยได้มีโอกาสศึกษา แล้วก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยค่ะ รายละเอียดเรื่องคุณภาพเพชรซันเค้าศึกษาไว้ทั้งหมด เรื่องมีใบรับประกัน GIA, HRD มี VVS1, VVS2 หรือ Tripple Excellent ก็เคยผ่าน ๆ หูเท่านั้นค่ะ รู้แต่ว่า cutting แบบ Heart and Arrow คือแบบที่นิยมกันปัจจุบันนี้ ที่ร้านเค้าเคยเอากล้องมาส่องให้ดู ถ้ามองจากด้านหน้าของเพชรจะเห็นเป็นรูปลูกศร มองจากก้นเพชรก็จะเป็นเป็นรูปหัวใจ ใครที่อยากรู้รายละเอียดเรื่องการดูเพชร ใน Internet ก็มีข้อมูลคร่าว ๆ อยู่เยอะเหมือนกันค่ะ ผิงไม่ได้ชำนาญเรื่องของคุณภาพเพชร ไม่อยากให้ข้อมูลผิด ๆ ค่ะ website ของร้าน Ananta เองก็มีค่ะ ลองเข้าไปอ่านดูเป็น idea นะคะ

anatajewelry.com

2552-03-19

My First Try

Gu Tu บอกตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้วให้ไปงาน fashion show ของ BIFW แทน เพราะติดธุระพอดี
วันนี้ก็เลยเอาบัตรมาฝากไว้ให้เราที่ร้าน


BIFW 2009
Fashion Show : Meet the Fashion Visionaries
Brand : Code 10
Venue : Siam Paragon
Time : 7.30 pm

ผิงไม่เคยไปดู fashion show เลยซักครั้ง ครั้งนี้ครั้งแรก ตื่นตาตื่นใจ โชว์ที่ผิงไปดูเป็นของ Code 10 เป็น Brand ที่รวมผลงานของ designer 10 คนเอาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือคุณ Pravit ผิงโชคดีที่เค้ารับปากจะมาตัดชุดงานหมั้นให้

พอพูดเรื่องชุดหมั้นแล้วก็อดพูดถึงเรื่องชุดแต่งงานไม่ได้ ชุดของผิงนั้น Gu Tu บอกว่าจะ sponser ให้ ก็เลยประหยัดไปได้เยอะเลยค่ะ เมื่อวันพุธที่แล้วผิงได้ไปลองชุดที่ Kai Boutique ห้องลองเค้าสวยทีเดียว ลองชุดไปหลายชุด ทั้งชุดของ Vera Wang ชุดของ Dior และชุดที่ออกแบบโดยคุณ Kai เอง แต่ละชุดสวย และ น่ารักกันไปคนละแบบ แต่เสียดายที่คุณ Kai ไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้คุยเรื่อง fitting พี่ ๆ ที่ร้านช่วยถ่ายรูปผิงที่ลองชุดต่าง ๆ เก็บไว้ให้คุณ Kai ช่วยพิจารณาก่อนนัดกันอีกทีอาทิตย์หน้า

ชุดนี้เป็นชุดที่ลองชุดแรก เป็นชุดของ designer ชาว new york ชื่อ Vera Wang เธอมีชื่อมาก ๆ ในเรื่องออกแบบชุดแต่งงาน มีดารา Hollywood หลายคนให้เธอตัดชุดแต่งงานให้มาแล้วค่ะ


ชุดนี้ค่อนข้างเรียบ จริง ๆ ก็คือว่า เรียบเกินไป คุณ Kai comment ว่า ถ้าใส่เรียบขนาดนี้ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย จะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติคนที่มาแสดงความยินดีกับเรา ชุดนี้ที่ Gu Tu ชอบ ก็เลยเป็นอันตกไป



ชุดที่สองนี้ ใส่แล้วหนักจัง เป็นชุดที่ตัดเลียนแบบ Dior collection เมื่อสองปีที่แล้ว ถึงใส่แล้วจะสวย แต่ Gu Tu บอกว่า อย่าเลย เพราะสินใจเคยใส่ถ่ายโปสเตอร์ละครเพลงเรื่องบัลลังค์เมฆมาก่อน ชุดนี้ก็เลยไม่ผ่านเช่นกัน หลังจากนั้นผิงก็ลองอีกสามสี่ชุด แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ไว้ไปดูรูปถ่ายตอนแต่งงานเลยจะดีกว่าค่ะ (แค่นี้ก็อายตัวเองจะแย่แล้วค่ะ)

2552-03-18

Wedding Theme

ผิงเชื่อว่าสาวทุกคนที่มีความฝันที่อยากจะแต่งงานย่อมวาดภาพงานของตนไว้เสมอ รายละเอียดจะมากจะน้อยก็ต่างกันไปตามความช่างฝัน ผิงก็เคยฝัน ฝันว่างานของผิง ผิงต้องใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ แต่ตอนเด็ก ๆ ผิงลืมฝันว่างานของผิงต้องสีอะไร theme อะไร ตอนนี้ขอฝันอีกที หวังว่าจะยังไม่สายเกินไปนะคะ


รูปข้างบนนี้เอามาจาก web ของ "oh! joy" ค่ะ ฉากสีเขียวอ่อนของหม่น ๆ กับดอกไม้สีสดใส เข้ากั๊นเข้ากัน
เสื้อสีฟ้ากับถุงน่องสีม่วงแดง ก็น่ารัก น่าเอ็นดูจริง ๆ (เดี๋ยวจับให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งสีนี้ก็ดีนะ)
รูปนี้ทำให้ผิงรู้ว่าการตกแต่งด้วยกระดาษก็สวย เก๋ ไม่แพ้กับการใช้ดอกไม้ค่ะ


wedding theme จาก web "Lotushaus"

สีนี้ unique มากค่ะ ไม่เคยเห็นจัดที่ไหนในประเทศไทย เป็น theme ที่ใช้โทนสี Jewel ค่ะ พูดถึงโทนสี Jewel ตอนแรกผิงก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่ามันหมายถึงสีอะไรกันแน่ ก็เลยไป search ได้คำตอบมาจาก wisegeek.com ในบทความที่ชื่อว่า "What are jewel tones?" ว่า Jewel tones เป็นกลุ่มสีที่มีสีเข้ม เป็นสีของอัญมณีมีค่าสีต่าง ๆ สีในโทนนี้ประกอบด้วยสีเขียว emerald,สีม่วง Amethyst, สีแดงทับทิม, สีเหลืองบุษราคัม, สี Blue Sapphire และ สีเขียว turquoise เป็นต้น ถ้านึกง่าย ๆ มันก็คือหินสีในเกมส์คอมพิวเตอร์ที่เราเล่นเมื่อสมัยเด็ก ๆ เรียงหินสีเหมือนกันได้เยอะ ๆ มันก็จะแตกหายไป แล้วเราก็จะได้คะแนนเยอะ ๆ ตัวอย่าง Jewel Tones อยู่ด้านล่างนะ

ข้างล่างก็เป็นตัวอย่างธีมอื่น ๆ ที่ผิงชอบนะคะ เอามาจาก website ของ martha steward บ้าง เพื่อน ๆ ส่งมาให้บ้าง เลยไม่มี reference ค่ะ

ส่วนธีมนี้ออกหรูซะหน่อย ดูเป็นทางการแต่ว่าสวยมาก โดยเฉพาะพู่ดอกไม้ กับลูกปัดคริสตัลที่ห้อยลงมาจากเพดานน่ะ ชวนฝันจริง ๆ

งานนี้เป็นงานที่พี่เปิ้ล wedding answer จัดค่ะ เป็นงานที่ผิงเห็นแล้วก็คิดว่า ต้องให้พี่เปิ้ลมาจัดให้ในงานผิงให้ได้ งานนี้มีธีมว่า A Moment Lasts Forever มันสวยจนลืมไม่ลง forever จริง ๆ ค่ะ

ใช้สีแดงขาวอย่างรูปต่อไปนี้ก็น่ารักมากเหมือนกัน ดูไม่แดงแบบเย็นชาจนเกินไปค่ะ

Wedding Planner

วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลย ตกเดี๋ยวเดียว แต่ถนนก็ยังเฉอะแฉะ ฝนนี้อยู่นอกฤดู คงเป็นฝนเปลี่ยนฤดู อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากฝนตกแบบนี้ทุกครั้ง ช่วงนี้ขนาดยังไม่เข้าหน้าร้อนดีอากาศยังร้อนมาก ๆ หน้าร้อนปีนี้คงร้อนน่าดู

วันนี้พี่เปิ้ลจาก wedding answer โทรมาหาแต่เช้า นัดให้ไปคุยกันวันอาทิตย์ตอนบ่ายโมงตรง

พี่เปิ้ลเป็น wedding planner ผิงเห็นงานแต่งงานที่พี่เปิ้ลจัด แล้วลงรูปไว้ใน website สวยมาก ๆ ใคร ๆ เห็นก็ชอบใจ ผิงไม่เคยรู้จักพี่เปิ้ลมาก่อน ทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ

วันนั้นผิง Search คำว่า "Save the date card" จาก Google ดูจากใน list แล้วมี web เดียวที่มีภาษาไทย ซึ่งก็คือ weddinganswer.com ผิงคิดว่าสาเหตุที่ไม่ค่อยมีเว็ปภาษาไทยเรื่องนี้เพราะว่าคนไทยไม่ค่อยได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า Save the date card เพราะอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง การ์ดนี้ใช้เพื่อส่งให้คนที่เราต้องการเชิญมางานแต่งงานของเรา ไม่ใช่การ์ดเชิญซะทีเดียว แต่เป็นการ์ดที่ออกไม่เป็นทางการซะหน่อย ใช้ส่งก่อนวันแต่งนาน ๆ เพื่อแจ้งข่าวให้แขกที่อยู่ไกล ๆ ได้รับรู้เรื่องมงคล และเพื่อให้เค้าได้เตรียมตัวมางานของเรา เช่น อาจจะต้องลางาน หรือ จองตั๋วเครื่องบิน ตอนนั้นผิงก็เพิ่งรู้จักคำว่า Save the date card จาก website ของ Martha Steward Wedding ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งงานเยอะแยะไปหมด เลยอยากหาข้อมูลดูซะหน่อยว่าปกติคนไทยเราใช้กันรึเปล่า ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เจอ web weddinganswer.com ของพี่เปิ้ล

พออ่านเนื้อหาใน web บางส่วนแล้ว ผิงก็ส่งเมล์ไปขอให้พี่เปิ้ลมาจัดให้ โดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่เปิ้ลจะไม่รับงานจนถึงเดือน 6 เนื่องจากว่าเพิ่งคลอดลูกผู้หญิงคนที่สอง พอได้คุยกับพี่เปิ้ล พี่เปิ้ลบอกว่าตอนแรกตั้งใจจะไม่รับงานแล้ว แต่เดือนมีนาคมมีงานของคนสำคัญที่จะต้องจัดให้ก็เลยเริ่มจัดตั้งแต่เดือนนั้น โชคดีพี่ผิงเมล์ไปหาพี่เปิ้ลโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็เลยได้คิวพี่เปิ้ลไป ทั้ง ๆ ที่คนอื่นเกรงใจเลยไม่ได้ติดต่อพี่เปิ้ลอย่างเป็นจริงเป็นจังในช่วงนั้น พี่เปิ้ลบอกว่าสงสัยเราทำบุญมาด้วยกันเมื่อชาติก่อน ก็เลยกลับมาเจอกัน จากที่ได้ยินมา พี่เปิ้ลจัดงานเพียงเดือนละสองงาน แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนก็ถือเป็นพี่น้องกับพี่เปิ้ลไปโดยปริยาย เพราะพี่เปิ้ลจัดให้ทุกคนอย่างดี เหมือนเป็นงานของพี่น้องของตัวเอง (อันนี้อ่านใน comment ใน web นะคะ) ลองดูงานที่พี่เปิ้ลจัด กับลองอ่าน comment ที่เจ้าสาวทุก ๆ คนเขียนให้ดูนะคะ แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมผิงถึงรู้สึกโชคดี

http://www.weddinganswer.com/

2552-03-17

Wedding Presentation Idea

วันนี้คุยกับมติ มติบอกว่าวันนี้จะลาบ่ายเพื่อเจอกับจีเฮย์อดีตเพื่อนสาวของเขาที่ห่างกันไป เพราะว่าเธอกลับเกาหลีเมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้มติมีหวานใจคนใหม่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสาวเกาหลีเหมือนกันกับจีเฮย์ แต่เพื่อนตัวแสบก็ยังจะลางานไป "กินข้าว" กับจีเฮย์

"ไปเถอะถ้ามติ ถ้ารู้ตัวเองว่ารู้สึกยังไง และกำลังจะทำอะไร"
"เราไม่ได้รักเค้าแล้วนะ We are just like friends, an old friend."
"จ้ะ ๆ"
"แต่บางครั้งอารมณ์ก็มาก่อนเหตุผล โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ"
"จริง นายนี่ Type A guy สุดๆ อารมณ์มาก่อน"

เออพอพูดถึงตรงนี้ อยู่ดี ๆ ไอเดียเรื่อง Blood Type ก็เลยแว๊ปเข้ามาให้หัว (ที่อารัมภบทมาเรื่องมตินี่ ลืมให้ความสำคัญไปเลย) ทำ wedding presentation ให้เป็น theme นี้ ก็น่าสนุกดี ผิงกรุ๊ป A ซันกรุ๊ป O นิสัยก็ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นึกถึง forward mail ที่เคยได้รับเรื่อง Blood Type ก็ยิ่งเข้าท่า

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jojo&month=08-2008&date=02&group=4&gblog=696

ลิ้งค์นี้ Search มาน่ะ เนื้อหาเหมือนใน mail ที่เคยได้รับเลย น่ารักดี

เล่าเรื่อง การทำ presentation ให้ฟังนิดนึงก่อนดีกว่า
คือว่าผิงกับซันไปเดินเล่นที่งาน Thailand Wedding ที่ Central World มาเมื่อเดือนก่อน
เจอเจ้านึงที่รับจัดทำ wedding presentation ชื่อ The Tong Design เค้ามีงานที่วาดมือ โดยใช้สีไม้ ผิงเห็นแล้วก็ชอบทันที เลยตัดสินใจให้เค้ามาทำ wedding presentation ให้กับเรา หลังจากนั้นสองอาทิตย์ เค้าก็เริ่มร่างแบบ Characters ส่งมาให้ดู

Characters สองตัวนี้ พวกเราลงความเห็นว่า ไม่เหมือนพวกเราเลย เลยต้องส่ง comment อย่างสุภาพไปว่า

"ผิงกับซันลองดูแล้วนะคะ น่ารักดีแต่ว่าไม่เหมือนกับ character ของเราทั้งสองคนเท่าไหร่ผิงว่า ซันน่าจะตัวใหญ่กว่านี้ซักหน่อย ซันเค้าชอบใส่เสื้อยืดคอกลม คอปก ไม่ก็เชิ้ต สีเรียบ ๆ กับกางเกงยีนส์ไม่ก็ขาสั้นสามส่วนน่ะค่ะ ผิงไม่เคยเห็นเค้าใส่ขาลีบ ๆ ก็เลยดูแปลกตาซักหน่อยซันเค้าบอกว่าผิงตาเล็กไป ดูเรียบร้อยเกินจริง (เค้าว่าผิงดูเจ้าเล่ห์กว่านั้น) เค้าบอกว่าไม่เคยเห็นผิงแต่งตัวแบบนั้น (ฮ่าๆ ผิงว่าจริง ๆ แล้ว ผิงกับซันอาจจะแต่งตัวไม่ค่อยทันสมัยซักเท่าไหร่)ปกติแล้วผิงใส่ยีนส์ กับเสื้อยืด บางครั้งก็คลุมแจ็กเก็ตบ้างก็เท่านั้นค่ะผิงว่าตัวการ์ตูนทั้งสองตัว ดูอายุเยอะไปซักหน่อย (ฮ่าๆ จริงๆ แล้วผิงกับซันยังไม่อยากยอมรับว่าแก่แล้ว)จริง ๆ แล้ว ภาพน่ารักแล้วล่ะค่ะ แต่ผิงกับซันอยากให้สื่อถึงตัวตนของพวกเรามากกว่านี้หน่อยเท่านั้นเองค่ะ ถ้าพี่ต่ออยากให้ผิงกับซันได้คุย concept กับคนที่วาดโดยตรง ให้เค้าวาดได้ง่ายขึ้น ก็นัดมาได้เลยนะคะ"

แล้วก็ได้พวกเราตัวใหม่มา

"น่ารักแล้วค่ะ ขอแก้ทรงผมนิดเดียวค่ะคือว่าซันเค้าบอกว่าอยากให้ทำผมเค้าตั้งหน่อยค่ะ เค้าว่าผมตกๆ แล้วเค้าดูมีอายุ ฮ่าๆๆขอบคุณนะคะ"
(ฮึ่ม คนวาดจะมาดักตีหัวไม๊เนี่ย)
สุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนี้
เอ่อ ... ก็น่ารักดีนะ คล้ายพวกเรามากขึ้น แต่ก็ไม่เหมือนทั้งหมด
รับได้ค่ะ ชอบ ^^

2552-03-16

Wedding Diary

เริ่มตั้งแต่ซันเอ่ยคำขอ

ตอนนี้ผิงก็เลยอยู่ในช่วงเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างจริงจัง
อีกแค่สามเดือนเองสินะ
ตัวผิงเองก็เพิ่งจะคิดได้ว่าต้องตื่นเต้นแล้วสินะ

ว่าแต่ การเตรียมตัวแต่งงานนี่มีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะแยะเลย
นอกจากการตระเตรียมตัวเอง เสื้อผ้า หน้าผม รองท้ง รองเท้า เรื่องสถานที่จัดงาน อาหาร ดนตรี การ์ดเชิญ ของชำร่วย แขกเหรื่อ ของหมั้น ตกแต่งบ้านใหม่ ก็เป็นอีกหลาย ๆ เรื่องที่ต้องจัดการให้ดี
แต่ที่น่างงที่สุด ก็คงเป็นเรื่องประเพณี และความเชื่อต่าง ๆ เพราะความเชื่อก็คือความเชื่อ ไม่มีเหตุผล เมื่อไม่มีเหตุผล ก็เลยงงๆ
เริ่มจากการดูฤกษ์วันมงคล
ตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะแต่งช่วงปลายปี ก็กลับกลายเป็นแต่งช่วงกลางปีไปได้ เวลาเตรียมตัวที่คิดว่าจะมีอย่างน้อย 6 เดือน ก็กลายเป็นเหลือน้อยกว่า 4 เดือนซะอีก ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นไร การแต่งงานไม่น่าจะใช้เวลาขนาดนั้น ตอนนี้เริ่มตื่นเต้น เพราะเริ่มรู้แล้วว่ามีอีกหลายอย่างที่ต้องทำให้เสร็จให้ทันการ

ฤกษ์วันหมั้นของเรา เป็นวันก่อนหน้าวันส่งตัวหนึ่งอาทิตย์
31 พฤษภา ก็คือวันนั้น เป็นวันที่ซันต้องสวมแหวนให้กับผิง และผิงก็ต้องทำเหมือนกันให้กับซัน ในเวลา 9 โมง 45 นาที (อะไรจะขนาดนั้น)
ผิงเลือกห้อง Residence 305 จัดงานหมั้น เนื่องจากงานหมั้นนั้นฝ่ายหญิงต้องเป็นฝ่ายจัดให้ฝ่ายชาย ผิงก็เลยมีสิทธิ์เลือก ^^ ผิงชอบห้อง Residence ที่โรงแรม Grand Hyatt มาก แต่ก็เห็นด้วยกับซันว่ามันไม่เหมาะใช้จัดงานแต่งงานของเรา เนื่องจากห้อง Residence นั้นประกอบด้วยข 5 ห้องย่อย ๆ มีตั้งแต่ห้องหมายเลข 301 ถึง 305 เป็นห้องที่จัดให้มี function เลียนแบบห้องในบ้าน มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว แล้วก็ห้องอื่น ๆ ถึงคนจัดการในโรงแรมบอกว่าห้องจะรับจัดงานได้มากถึง 700 คน แต่ทุกคนอาจจะต้องอยู่กระจายตามห้องต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วกัน ถึงห้องจะสวยมาก แต่ถ้าแขกเยอะ อีกทั้งยังไม่รู้จักกันหมด เจ้าบ่าว เจ้าสาว คงต้องเดินเข้าออกทุกห้องซักหลายรอบเพื่อ ทักทายแขกทุกคน ถ้าขี้เกียจซักนิดเค้าอาจจะหาว่าเราไม่ให้เกียรติกันได้

ที่ผิงเลือกห้อง 305 มาใช้สำหรับงานหมั้นนั้น เพราะเป็นห้องที่พิเศษกว่าห้องอื่น ๆ อีกหน่อยคือเป็นห้องนั่งเล่นที่มีระเบียงและมีครัวเป็นของตัวเอง แล้วก็ยังมีพื้นที่พอที่จะจัดงานเล็ก ๆ สำหรับคนซักร้อยคนได้สบาย ห้องเค้าสวยมาก ๆ ลองดูจาก link ได้

http://bangkok.grand.hyatt.com/hyatt/images/hotels/bangh/305.pdf

ว่าแต่ เอาห้องงานหมั้นมาให้ดูกันแล้ว คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องอื่น ๆ ต่อนะคะ